ลูกชายของ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ลงสนามเปิดตัวในศึกกัลโช่ เซเรีย อา เป็นครั้งแรก

Browse By

วงการฟุตบอลอิตาลีเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อชื่อ “บุฟฟ่อน” ปรากฏขึ้นบนสกอร์บอร์ดในสนามกัลโช่ เซเรีย อา แต่คราวนี้ไม่ใช่ตำนานอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน ที่หลายคนรู้จัก หากแต่เป็นลูกชายของเขา หลุยส์ โธมัส บุฟฟ่อน (Louis Thomas Buffon) ที่ได้ลงสนามเป็นครั้งแรกในชีวิตการค้าแข้งระดับลีกสูงสุดอิตาลี ความรู้สึกภาคภูมิใจและอารมณ์แห่งความต่อเนื่องของตระกูลผู้รักษาประตูระดับตำนานนี้ได้กลายเป็นประเด็นใหญ่ในโลกฟุตบอลในทันที เพราะมันไม่เพียงเป็นการเปิดตัวของผู้เล่นคนหนึ่ง แต่ยังเป็นการสืบสานตำนานของครอบครัวที่ฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก

ในเกมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สโมสรปาร์ม่า ทีมที่เคยเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางในตำนานของบิดา ได้เปิดบ้านพบกับฟิออเรนติน่า และในนาทีที่ 75 โค้ชของปาร์ม่าตัดสินใจส่ง หลุยส์ โธมัส บุฟฟ่อน ลงสนามแทนผู้รักษาประตูตัวจริงที่ได้รับบาดเจ็บ ทันทีที่เด็กหนุ่มวัย 17 ปีลุกขึ้นจากม้านั่งสำรองพร้อมใส่ถุงมือและเดินเข้าสู่สนาม เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามเอ็นนิโอ ตาร์ดินี่ แฟนบอลลุกขึ้นยืนต้อนรับอย่างอบอุ่น เพราะทุกคนรู้ดีว่านี่คือการเริ่มต้นของเรื่องราวบทใหม่ในวงศ์ตระกูลบุฟฟ่อน

หลุยส์ โธมัส มีใบหน้าที่คล้ายบิดาอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างสูงโปร่ง 190 เซนติเมตร และการเคลื่อนไหวที่สงบนิ่งราวกับผู้ใหญ่ แม้จะเป็นการลงสนามในเกมระดับสูงสุดครั้งแรก แต่เขากลับแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างน่าประทับใจ จังหวะแรกที่สัมผัสบอลคือการรับลูกยิงระยะไกลจากกอนซาโล่ คาสโตร ซึ่งเจ้าตัวล้มตัวปัดได้อย่างเฉียบขาดราวกับภาพจำของพ่อในอดีต เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งจากแฟนบอลที่เห็น “ดีเอ็นเอผู้รักษาประตู” ของแท้ในตัวเด็กหนุ่มคนนี้

หลังเกม หลุยส์ โธมัส ให้สัมภาษณ์อย่างถ่อมตัวว่า “มันคือวันที่พิเศษมากสำหรับผม ผมฝันถึงช่วงเวลานี้มานานตั้งแต่ยังเด็ก ผมขอขอบคุณโค้ช เพื่อนร่วมทีม และทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวผม ผมรู้ดีว่าการมีนามสกุลบุฟฟ่อนนั้นมีความหมายใหญ่หลวงในวงการฟุตบอลอิตาลี และผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างเส้นทางของตัวเองโดยไม่อยู่ใต้เงาของพ่อ”

คำพูดของเขาเต็มไปด้วยวุฒิภาวะเกินวัย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการอบรมจากบิดาผู้เป็นทั้งตำนานและแบบอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อนเองก็อยู่บนอัฒจันทร์ในวันนั้น เขาสวมเสื้อคลุมเรียบง่ายและมีแววตาภาคภูมิใจที่สุดเมื่อเห็นลูกชายก้าวลงสู่สนามที่เขาเคยปกป้องมาตลอดเกือบสองทศวรรษ “ผมรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไป” บุฟฟ่อนผู้พ่อกล่าวหลังเกม “ตอนที่ผมอายุเท่าเขา ผมก็เริ่มต้นที่สนามนี้เหมือนกัน ผมไม่รู้จะพูดยังไงนอกจากว่าผมภูมิใจในตัวเขามาก”

การที่หลุยส์ โธมัส ได้ลงสนามในเกมนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมา เขาได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้นในอะคาเดมีของปาร์ม่า และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างสูงในการพัฒนาฝีมือ ผู้ฝึกสอนในทีมเยาวชนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขามี “ความนิ่ง” และ “การอ่านเกม” ที่ไม่ต่างจากบิดา และแม้จะยังมีสิ่งที่ต้องพัฒนาอีกมาก แต่ทุกคนเห็นศักยภาพของเขาอย่างชัดเจน

หนึ่งในโค้ชผู้รักษาประตูของทีมกล่าวว่า “หลุยส์มีความเข้าใจในตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติ เขาเรียนรู้จากประสบการณ์ของพ่อแต่ไม่พยายามเลียนแบบ เขามีสไตล์ของตัวเองที่ละเอียดและใจเย็นมาก เขาอาจไม่ตะโกนสั่งแนวรับเหมือนพ่อ แต่ใช้ภาษากายและการสื่อสารที่มั่นคงเพื่อสร้างความมั่นใจให้เพื่อนร่วมทีม นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาพิเศษ”

แฟนบอลอิตาลีจำนวนมากต่างยินดีที่ได้เห็นภาพของ “บุฟฟ่อนรุ่นใหม่” ในสนามอีกครั้ง มันเป็นเหมือนการต่อเนื่องของประวัติศาสตร์ที่เริ่มต้นตั้งแต่ยุคที่บุฟฟ่อนผู้พ่อลงเฝ้าเสาให้ปาร์ม่าในปี 1995 ก่อนจะก้าวขึ้นไปเป็นตำนานกับยูเวนตุสและทีมชาติอิตาลี คว้าแชมป์โลกในปี 2006 และกลายเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาล การได้เห็นลูกชายของเขาเริ่มต้นจากสโมสรเดียวกันจึงเปรียบเสมือน “การเดินทางที่หวนคืนสู่จุดเริ่มต้น”

สิ่งที่น่าสนใจคือ หลุยส์ โธมัส ไม่ได้เลือกเส้นทางฟุตบอลทันทีตั้งแต่วัยเด็ก เขาเคยสนใจเทนนิสและบาสเกตบอลก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่เมื่ออายุ 13 ปีว่าจะเดินตามรอยพ่อ หลังจากนั้นเขาเริ่มฝึกซ้อมอย่างจริงจังและได้รับคำแนะนำจากบุฟฟ่อนผู้พ่อในเกือบทุกด้าน ตั้งแต่เทคนิคการยืนตำแหน่ง ไปจนถึงจิตวิทยาการเป็นผู้รักษาประตูในเกมระดับสูง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เขาเติบโตเร็วเกินวัย

ในบทสัมภาษณ์กับสื่ออิตาลี เขากล่าวว่า “พ่อไม่เคยกดดันผมเลย เขาแค่บอกให้ผมสนุกกับฟุตบอล ถ้าผมรักในสิ่งที่ทำ ทุกอย่างจะตามมาเอง เขาไม่เคยบังคับให้ผมต้องเป็นผู้รักษาประตู แต่เมื่อผมเลือกเส้นทางนี้ เขาก็อยู่เคียงข้างผมเสมอ” คำพูดนั้นทำให้แฟนบอลรู้สึกถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างพ่อลูกคู่นี้

การเปิดตัวของหลุยส์ โธมัส ยังกลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มแฟนบอลยูเวนตุสที่เคยเห็นพ่อของเขาเป็นตำนานในถิ่นตูริน มีแฟนบอลคนหนึ่งโพสต์ว่า “เวลาผ่านไปไวเหลือเกิน จากวันที่บุฟฟ่อนพ่อยังเซฟจุดโทษในฟุตบอลโลก ตอนนี้ลูกชายเขาได้ลงเล่นในเซเรีย อา แล้ว โลกฟุตบอลช่างสวยงามจริง ๆ” ข้อความนี้ได้รับการแชร์กว่าหมื่นครั้งภายในไม่กี่ชั่วโมง

แม้จะเป็นเพียงการลงสนามไม่กี่นาที แต่ฟอร์มของหลุยส์ โธมัส ได้รับคำชมจากนักวิเคราะห์หลายคน เพราะเขาแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและการตัดสินใจที่แม่นยำในการออกมาตัดบอลและป้องกันลูกกลางอากาศ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของผู้รักษาประตูระดับท็อปในฟุตบอลอิตาลีที่เน้นเกมรับเป็นหลัก นักวิเคราะห์จากช่องกีฬาแห่งหนึ่งระบุว่า “เขามีดีเอ็นเอของผู้ชนะในตัว การที่เขาได้ลงเล่นตั้งแต่อายุยังน้อยในลีกที่กดดันอย่างเซเรีย อา จะช่วยหล่อหลอมให้เขาเติบโตอย่างรวดเร็ว”

ในโลกของฟุตบอลสมัยใหม่ เรื่องราวของครอบครัวนักเตะถือเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้แฟนบอลเสมอ เช่นเดียวกับในกรณีของบุฟฟ่อน ที่ทำให้หลายคนรู้สึกถึงความงดงามของคำว่า “รุ่นสู่รุ่น” เพราะฟุตบอลไม่ใช่เพียงเกม แต่คือมรดกทางจิตวิญญาณที่ส่งต่อกันได้ และการที่แฟนบอลได้เห็นลูกชายของตำนานก้าวลงสนามในสีเสื้อเดียวกับพ่อ มันคือช่วงเวลาที่สะเทือนใจอย่างแท้จริง

แม้ตอนนี้จะยังเร็วเกินไปที่จะพูดว่า หลุยส์ โธมัส จะก้าวขึ้นไปถึงระดับเดียวกับพ่อได้หรือไม่ แต่เส้นทางของเขาเพิ่งเริ่มต้น และสิ่งที่เห็นได้ชัดคือเขามีความมุ่งมั่นและทัศนคติที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่บุฟฟ่อนผู้พ่อเคยใช้ในการสร้างตำนานของตัวเอง “ผมไม่ต้องการให้ผู้คนเปรียบเทียบผมกับพ่อ ผมอยากให้ทุกคนเห็นว่าผมคือผม” เขากล่าวปิดท้ายอย่างหนักแน่น

สื่อกีฬาชั้นนำของอิตาลีต่างรายงานตรงกันว่า สโมสรปาร์ม่ามีแผนจะให้โอกาสหลุยส์ โธมัส ลงสนามมากขึ้นในฤดูกาลหน้า เพื่อให้เขาได้สะสมประสบการณ์ในระดับสูงสุด โดยมีบุฟฟ่อนผู้พ่อทำหน้าที่ที่ปรึกษาพิเศษให้กับทีมเยาวชน ซึ่งถือเป็นโอกาสทองของเด็กหนุ่มที่จะได้เรียนรู้จากหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างใกล้ชิด

ความเคลื่อนไหวนี้ยังสร้างความสนใจในแวดวงนักวิเคราะห์เกมและผู้ติดตามในแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง ทางเข้า ufabet ออโต้ เข้าเร็วไม่สะดุด ซึ่งมักใช้ข้อมูลเชิงลึกในการประเมินศักยภาพของนักเตะรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูที่สามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ของเกมได้ในพริบตา การเปิดตัวของหลุยส์ โธมัสจึงถูกพูดถึงในฐานะ “โอกาสทองของเด็กรุ่นใหม่ที่แบกรับตำนานบนบ่าอย่างสง่างาม”

นอกจากในสนามฟุตบอลแล้ว สิ่งที่ทำให้แฟนบอลชื่นชมคือบุคลิกของหลุยส์ โธมัส ที่เรียบง่ายและให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก เขามักกล่าวเสมอว่าผลงานของเขาเป็นของทุกคนที่อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะแม่ของเขา อัลบีน่า เชร์เวลโล อดีตนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติอิตาลี ที่เป็นแรงสนับสนุนสำคัญในชีวิต “แม่เป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักความอดทนและวินัย ส่วนพ่อสอนให้ผมรู้ว่าความสำเร็จต้องมาพร้อมความถ่อมตน ทั้งสองคนคือแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม”

หลังจบเกมเปิดตัว หลุยส์ โธมัสยังได้รับข้อความแสดงความยินดีจากนักฟุตบอลระดับโลกหลายคนที่เคยเล่นร่วมกับพ่อของเขา ทั้งฟาบิโอ คันนาวาโร่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ และอันเดรีย ปิร์โล่ ซึ่งต่างโพสต์ข้อความอวยพรผ่านโซเชียลมีเดีย คันนาวาโร่เขียนว่า “ขอต้อนรับสู่โลกของเซเรีย อา เด็กหนุ่ม ฉันเห็นเงาของเพื่อนฉันในตัวเธอ ขอให้เดินต่อไปด้วยหัวใจที่มั่นคง”

สำหรับวงการฟุตบอลอิตาลี การได้เห็นชื่อบุฟฟ่อนกลับมาอีกครั้งในตารางการแข่งขันเหมือนเป็นการเติมพลังให้กับลีก เพราะบุฟฟ่อนผู้พ่อเคยเป็นเสาหลักของวงการในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และตอนนี้ลูกชายของเขากำลังเริ่มต้นเส้นทางของตนเองในยุคใหม่ที่ฟุตบอลอิตาลีกำลังฟื้นฟูความยิ่งใหญ่กลับมา

ในท้ายที่สุด การเปิดตัวของหลุยส์ โธมัส บุฟฟ่อน ไม่ใช่เพียงเรื่องของฟุตบอล แต่คือเรื่องของ “การสืบทอดจิตวิญญาณ” ที่ทำให้แฟนบอลทั่วโลกยิ้มได้ มันแสดงให้เห็นว่าความรักในเกมลูกหนังสามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างงดงาม และแม้จะมีแรงกดดันมากมาย แต่เด็กหนุ่มคนนี้ได้เริ่มต้นเส้นทางของตัวเองอย่างสง่างาม

ในโลกของฟุตบอล ความต่อเนื่องระหว่างอดีตและอนาคตคือสิ่งที่ทำให้เกมนี้มีเสน่ห์ และเรื่องราวของบุฟฟ่อนพ่อลูกก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด เส้นทางของหลุยส์ โธมัสอาจยังอีกยาวไกล แต่ถ้าเขารักษาความถ่อมตน ความมุ่งมั่น และหัวใจนักสู้ไว้ได้ เขาอาจจะเป็นอีกหนึ่งชื่อที่แฟนบอลรุ่นต่อไปกล่าวถึงด้วยความเคารพ เช่นเดียวกับที่เรายังพูดถึงชื่อของ “จานลุยจิ บุฟฟ่อน” ด้วยรอยยิ้มและความชื่นชมมาจนถึงทุกวันนี้ และแฟนฟุตบอลทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ติดตามใน สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม ต่างเฝ้ารอดูเส้นทางของทายาทผู้สืบทอดตำนานรายนี้ ว่าจะก้าวไปได้ไกลเพียงใดในเวทีที่ครั้งหนึ่งพ่อของเขาเคยครองความยิ่งใหญ่ไว้ได้อย่างสง่างาม.